8 สิ่งที่คนทำงานประจำ จำเป็นต้องเจอ

[dsmol19]

1. อย่าเป็นตัวของตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

ผู้คนจำนวนมากมั่นใจว่าโลกออนไลน์เป็นหลักที่ส่วนตัว จะโพสต์อะไรมันก็สิทธิ์ของพวกเรา แต่ว่าทราบรึเปล่าว่า HR สมัยปัจจุบันนี้นอกเหนือจากการที่จะดู resume พวกเราแล้ว ยังมองเฟสของเราด้วย เพื่อนฝูงเราที่เป็น HR ยืนยันมาว่าหน้าเฟสบอกความเป็นตัวตนที่จริงจริงของเราได้มากกว่า

Resume เป็นสิบเท่า สิ่งที่พวกเราโพสลงบนโลกอินเตอร์เน็ตของพวกเรานั้นส่งผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำเต็มตัว เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระวัง หรือ


หากอย า กมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆชี้แนะให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาธาราที่พด้วย ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่สำหรับทำงาน เกลีย ดคนนั้น เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโพสต์เด็ดขาด โพสต์ปุ้บมีคนแคปไปฟ้องแน่ๆ

2. ควรเป็น "ผู้รับจ้างมืออาชีพ"

ถ้าหากอย า กเป็นพนักงานประจำที่ประสบความสำเร็จและแฮปปี้ จงเป็น "ลูกจ้างมืออาชีพ" ให้ได้ ลูกจ้างมือโปรก็คือผู้ที่ใส่ใจได้ว่า "เราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าแรงงานจำนวนหนึ่ง"

นั่นถือได้ว่าบริษัทเค้าอยากบางอย่างจากพวกเราแลกกับเงินเดือนนั้นๆเราจะต้องรู้ดีว่าบริษัทว่าจ้างเรามาทำอะไร และก็ทำมันให้ดีมากยิ่งกว่าที่บริษัทคาดหวังถ้าเกิดต้องการความรุ่งเรืองในหน้าที่

ถ้างานที่ทำอยู่คิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่สมควรอดทนทำไป ควรหางานที่เราทำแล้วพวกเรามีความสุขรวมทั้งทำได้ดีเพื่อดึงศักยภาพของตัวเองออกมาให้เยอะที่สุด


นอกจากจะทำให้เราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังมีผลให้เราพัฒนาตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย แม้กระนั้นก็มิได้จะเชียร์ให้เป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะ อดทนทำไปจนกระทั่งจุดหนึ่ง

พวกเราจะทราบเองว่าควรไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ใช่ให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าบุคคลอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าเกิดสุดท้ายพวกเราพบสายอาชีพที่เรารักแล้วก็อย า กทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

และก็ ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน "พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนจำนวนหนึ่ง" อย่าทำงานหนักเกินกว่าค่าตอบแทนจนเกินความจำเป็น ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นจะต้องมีผลสรุปที่ดีตามออกมาด้วย ยกตัวอย่างเช่นได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปดูข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ในช่วงเวลานี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ? อย่าลืมว่าบิดามารดาแก่ลงทุกๆวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสุขของบิดามารดา

3. มีแฟนในสถานที่สำหรับทำงานได้แต่ว่าจะต้องยอมรับผลที่ตามมา

ถ้าหากคุณเป็นคนที่แยกเรื่องงานกับเรื่องเฉพาะบุคคลไม่ออก แนะนำว่าอย่ามีแฟนในสถานที่ทำงาน มิได้บอกว่าไม่สมควรคบคนภายในสถานที่ทำงาน แม้กระนั้นหากคบและจะต้องยอมรับผลปรากฏว่าให้ได้ อาจต้องเจอเรื่องราวเป็นต้นว่า

ทะเลาะเบาะแว้งกับแฟนมาแล้วต้องมาคุยงานกัน มีคนไหนกันบ้ า งแยกประเภทเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากงานได้ 100% บ้ า ง หากไม่ต้องเจอหน้ากันวันแล้ววันเล่าหรือทำงานสนิทสนมก็ยังพอโอเค แต่ว่าถ้ากลุ่มเดียวกันบางครั้งก็อาจจะอิดโรยหน่อย ทะเลาะกันขึ้นมาเมื่อใดรู้ทีค่อนบริษัท

4. หาผู้ที่เป็นมากกว่าเพื่อนผู้ร่วมการทำงานให้พบ

ความแตกต่างระหว่าง "สหาย" กับ "เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน" เป็นอย่างไร...? ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย า กก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนพ้องใหม่ไม่ย า กเท่ายุคมัธยม รวมทั้ง การหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย า กเท่าตอนเข้ามหาวิทย า ลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าใด เราจะหาเพื่อนฝูงย า กขึ้นเพียงแค่นั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนแท้จริงดวงใจคนนึงในสถานที่ทำงานมันย า กมากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผล

ตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของมนุษย์ค่าจ้างรายเดือนอย่างพวกเราคือไปดำเนินงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสัมพันธ์หาเพื่อนฝูง ด้วยเหตุนี้วันๆเราจึงจะพบแค่เพื่อนร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น การมีทีมที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต


พย า ย า มหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย า กไปทำงานมากขึ้น ให้เราทดลองถามตัวเองว่า "ถ้าเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย า กนัดคนนี้รับประทานข้าวอยู่ไหม...?" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณพบสหายจริงๆในสถานที่ทำงานแล้วววว

5. สนใจแต่อย่าใส่ใจลู่วิ่งคนอื่น จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของเรา

เมื่อปฏิบัติงานไปนานๆพวกเราอาจเห็นสหายๆในที่ทำงานของพวกเราผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยเริ่ม ออกไปเรียนต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าจ้างรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน

ไอคนนั้นคนนี้ได้ดิบได้ดีแล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ ควรจดจำไว้ว่าอย่าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆเด็ดขาด จุดโฟกัสที่ลู่วิ่งของพวกเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร

รู้ว่าที่หมายพวกเราอยากอะไร ทราบว่าวันนี้เราทำดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบมองทางวิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงกระตุ้นตัวเองให้พย า ย า มมากเพิ่มขึ้น แต่อย่าเอามาเทียบจนทำให้ตนเองทุกข์

6. เล่นการเมืองกับทุกคน

เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้มีความหมายว่าให้พวกเราไม่จริงใจกับใครกันแน่ แต่ว่าการเล่นการเมืองกับทุกคนเป็น.. การที่พวกเรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่างไร ไม่ได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือฝืนตัวเองมากมายๆนะ แต่ว่าแต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชอบ โตมาในสังคมที่ต่างกัน การที่เราดูแล้วรู้ว่าจะ "อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร"

ได้อย่างไรจะก่อให้พวกเราได้เปรียบมากๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว เราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย า ท ไม่มีความจำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... เราไม่รู้จักหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปดำเนินการกับคนไหน ด้วยเหตุนั้น อย่าสร้างศั ต รู เด็ดขาด...!!!

7. โดนด่าวันนี้ ดีกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุเรายังน้อยนี่คือข้อเด่นสุด ด้วยเหตุว่า อายุยังน้อยความมุ่งมาดจากคนรอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ทำอะไรผิดก็มักมีคนยกโทษเสมอ แม้เราจะรู้สึกบีบคั้นสำหรับการปฏิบัติงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ เราล้มเหลววันนี้ ดียิ่งกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 ถึงวันนั้นจะไร้คนคุ้มกบาลเราด้วย

8. พวกเรามิได้เกิดมาเพื่อดำเนินงานสิ่งเดียว

เราไม่ได้ทำงานแล้วแฮปปี้ทุกๆวัน หลายครั้งที่เรากลับไปบ้ า นแล้วอย า กจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แม้กระนั้นหากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต ดังเช่นว่า คิดเงินซื้ อ บ้ า น ซื้ อ รถ ท่องเที่ยวรอบโลก การเปลี่ยนมาทำเรื่องที่เราถูกใจจะก่อให้อารมณ์เบิกบานขึ้น แล้วก็เพิ่มความแน่ใจ เพราะเหตุว่าการเฟลจากที่ดำเนินการส่วนใหญ่มักทำให้พวกเราเสียกำลังใจ

แล้วก็ขาดความเชื่อมั่นในตนเองในตัวเอง สำหรับเรามันส่งผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และอีกมากมาย ยกตัวอย่าง เรามีเพื่อนพ้องคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย ขมักเขม้นขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร์อาทิตย์ ตอนนี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย ตั้งมั่นดำเนินงานเกิดเรื่องที่ดี แต่ว่าหาอันอื่นทำบ้ า งชีวิตจะได้ไม่เฉาคาที่ทำงาน
ทำงาน
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13496/